สหรัฐฯ ขึ้นภาษีชิป 100% แต่ยกเว้น Samsung, SK Hynix และ TSMC

รัฐบาลสหรัฐฯ ประกาศใช้ยาแรง ด้วยการเตรียมบังคับใช้มาตรการทางภาษี 100% กับชิปและเซมิคอนดักเตอร์ที่นำเข้าทั้งหมด แต่มีเงื่อนไขสำคัญคือ "ยกเว้น" ให้กับบริษัทที่เข้ามาลงทุนสร้างโรงงานผลิตในสหรัฐฯ ซึ่งทำให้ 3 ยักษ์ใหญ่แห่งวงการอย่าง Samsung, SK Hynix และ TSMC ไม่ได้รับผลกระทบ

1 Min Read

🔥 Hot Seal: ดีลเด็ด! สินค้าไอทีลดราคาที่คุณไม่ควรพลาด คลิ๊ก

วอชิงตัน ดี.ซี.ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ประกาศนโยบายทางการค้าครั้งสำคัญที่จะส่งผลกระทบต่อห่วงโซ่อุปทานของอุตสาหกรรมเทคโนโลยีทั่วโลก ด้วยการเตรียมบังคับใช้ กำแพงภาษี 100% กับชิปและเซมิคอนดักเตอร์ทั้งหมดที่นำเข้ามายังสหรัฐอเมริกา โดยมีเป้าหมายเพื่อกดดันและจูงใจให้บริษัทต่างๆ ย้ายฐานการผลิตกลับมายังแผ่นดินอเมริกา

มาตรการ “สร้างในสหรัฐฯ ไม่เก็บภาษี”

หัวใจของนโยบายนี้ไม่ใช่การกีดกันทุกบริษัท แต่เป็นการใช้กำแพงภาษีเป็นเครื่องมือต่อรอง โดยมีเงื่อนไขที่ชัดเจนว่า:

“เราจะเก็บภาษีประมาณ 100% กับชิปและเซมิคอนดักเตอร์ แต่ถ้าคุณกำลังสร้าง (โรงงาน) ในสหรัฐอเมริกา จะไม่มีการเก็บภาษี” ทรัมป์กล่าวในระหว่างการประชุม

นโยบายนี้ถือเป็นการเปลี่ยนแนวทางจากยุคก่อนหน้า ที่เน้นการให้เงินอุดหนุนผ่านกฎหมาย CHIPS Act มาเป็นการใช้แรงกดดันทางการค้าโดยตรง เพื่อเร่งรัดการลงทุนและสร้างงานในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีขั้นสูงภายในประเทศ

ชิป

“พันธมิตรคนสำคัญ” ได้รับการยกเว้น

ทันทีหลังการประกาศ รัฐบาลไต้หวันและเกาหลีใต้ ซึ่งเป็นฐานที่ตั้งของ 3 ผู้ผลิตชิปรายใหญ่ที่สุดของโลก ก็ได้ออกมาแถลงการณ์ที่ชัดเจนว่าบริษัทของตนจะไม่ได้รับผลกระทบจากมาตรการนี้

  • TSMC (ไต้หวัน): คณะกรรมการพัฒนาแห่งชาติของไต้หวันยืนยันว่า TSMC “ได้รับการยกเว้น” เนื่องจากบริษัทได้ลงทุนสร้างโรงงานผลิตชิปขนาดใหญ่หลายแห่งในรัฐแอริโซนาไปแล้ว ซึ่งมีมูลค่ารวมกว่า 1.65 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ
  • Samsung และ SK Hynix (เกาหลีใต้): ทูตการค้าของเกาหลีใต้ได้ออกมายืนยันเช่นกันว่า Samsung และ SK Hynix จะไม่ถูกเก็บภาษีดังกล่าว เนื่องจากทั้งสองบริษัทได้ลงทุนมหาศาลในการสร้างโรงงานแห่งใหม่ในรัฐเท็กซัสและอินดีแอนาตามลำดับ

ผลกระทบและภาพรวม

การยกเว้นให้กับ 3 บริษัทนี้ถือเป็นเรื่องที่สมเหตุสมผล เนื่องจากพวกเขาคือผู้ผลิต ชิปขั้นสูง (Advanced Chips) ที่เป็นหัวใจสำคัญของเทคโนโลยี AI และคอมพิวเตอร์ประสิทธิภาพสูง ซึ่งสหรัฐฯ ยังต้องพึ่งพาเป็นอย่างมาก

ดังนั้น ผู้ที่จะได้รับผลกระทบโดยตรงจากกำแพงภาษี 100% คือ ผู้ผลิตชิปที่ยังไม่มีฐานการผลิตหรือแผนการลงทุนที่ชัดเจนในสหรัฐฯ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มผู้ผลิต ชิปรุ่นเก่า (Legacy Chips) ที่ใช้ในรถยนต์และเครื่องใช้ไฟฟ้าทั่วไป โดยเฉพาะบริษัทจากประเทศจีน

นโยบายนี้จึงเป็นการส่งสารที่ชัดเจนจากสหรัฐฯ ว่าต้องการสร้างความมั่นคงทางห่วงโซ่อุปทานสำหรับ “ชิปขั้นสูง” โดยร่วมมือกับพันธมิตรสำคัญ ในขณะเดียวกันก็ใช้กำแพงภาษีเพื่อสกัดกั้นและลดการพึ่งพาชิปจากประเทศคู่แข่งไปพร้อมๆ กัน

อ้างอิง (References)

Share This Article