Tesla ยังน่าห่วง! ยอดขายเดือน ก.ค. ในอังกฤษ-เยอรมนี ร่วงหนัก 55-60%

Tesla ยังคงเผชิญความท้าทายในตลาดยุโรปอย่างต่อเนื่อง โดยข้อมูลล่าสุดจากเดือนกรกฎาคม 2568 เผยให้เห็นยอดจดทะเบียนรถยนต์ใหม่ในสหราชอาณาจักรและเยอรมนีที่ลดลงอย่างน่าใจหายถึง 55-60% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า สะท้อนถึงการแข่งขันที่ดุเดือดและปัจจัยลบทางเศรษฐกิจที่ส่งผลกระทบโดยตรง

1 Min Read

🔥 Hot Seal: ดีลเด็ด! สินค้าไอทีลดราคาที่คุณไม่ควรพลาด คลิ๊ก

เบอร์ลิน / ลอนดอน – สถานการณ์ของ Tesla ในสองตลาดรถยนต์ไฟฟ้าที่ใหญ่ที่สุดของยุโรปยังคงน่าเป็นห่วง หลังจากข้อมูลยอดจดทะเบียนรถยนต์ใหม่อย่างเป็นทางการประจำเดือนกรกฎาคม 2568 ได้รับการเปิดเผยออกมา ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการลดลงอย่างรุนแรงเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า

เจาะลึกตัวเลขยอดขายที่ลดลง

จากข้อมูลของหน่วยงานทะเบียนรถยนต์ในแต่ละประเทศ:

  • ในเยอรมนี: KBA (Kraftfahrt-Bundesamt) รายงานว่ายอดจดทะเบียนรถยนต์ใหม่ของ Tesla ในเดือนกรกฎาคมลดลงถึง 60% เมื่อเทียบแบบปีต่อปี
  • ในสหราชอาณาจักร: SMMT (Society of Motor Manufacturers and Traders) รายงานว่ายอดจดทะเบียนรถยนต์ใหม่ของ Tesla ลดลง 55% เมื่อเทียบแบบปีต่อปี

ตัวเลขดังกล่าวตอกย้ำถึงแนวโน้มขาลงของ Tesla ในยุโรปที่ดำเนินมาอย่างต่อเนื่องหลายเดือน และเกิดขึ้นในขณะที่ตลาดรถยนต์ไฟฟ้าโดยรวม (BEV) ของทั้งสองประเทศก็กำลังชะลอตัวเช่นกัน

วิเคราะห์สาเหตุเบื้องหลัง
ขอขอบคุณรูปจาก: https://www.cnbc.com/

วิเคราะห์สาเหตุเบื้องหลัง

ผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมยานยนต์ได้วิเคราะห์ถึงปัจจัยหลายประการที่ส่งผลให้ยอดขายของ Tesla ลดลงอย่างหนัก ดังนี้:

1. การแข่งขันที่ดุเดือดจากทุกทิศทาง: นี่คือปัจจัยที่สำคัญที่สุด ทั้งค่ายรถยนต์ดั้งเดิมของยุโรปอย่าง Volkswagen Group, BMW, และ Mercedes-Benz ต่างก็มีรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ๆ ที่ได้รับความนิยมออกมาอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกัน ค่ายรถยนต์จากจีนอย่าง BYD และ MG ก็กำลังรุกตลาดยุโรปอย่างหนักด้วยรถยนต์ไฟฟ้าที่มีราคาเข้าถึงง่ายและมีตัวเลือกหลากหลายกว่า

2. การสิ้นสุดเงินอุดหนุนรถยนต์ไฟฟ้า: ในประเทศเยอรมนี รัฐบาลได้ยุติโครงการให้เงินอุดหนุนการซื้อรถยนต์ไฟฟ้าไปเมื่อปลายปีที่แล้ว ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภคและทำให้ตลาด BEV โดยรวมหดตัวลง

3. ผลิตภัณฑ์ที่เริ่มมีอายุ: แม้ว่า Model 3 และ Model Y จะยังคงเป็นรถที่ได้รับความนิยม แต่ก็ไม่ใช่รถรุ่นใหม่ล่าสุดในตลาดอีกต่อไป ผู้บริโภคเริ่มมีตัวเลือกที่สดใหม่กว่าจากคู่แข่ง ในขณะที่ Tesla ยังไม่มีรถยนต์รุ่นใหม่ในตลาดแมสออกมาเพื่อกระตุ้นความสนใจ

4. ปัจจัยทางเศรษฐกิจ: ภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวและอัตราดอกเบี้ยที่สูงในยุโรป ทำให้ผู้บริโภคระมัดระวังในการใช้จ่ายกับสินค้าราคาสูงอย่างรถยนต์มากขึ้น

การลดลงอย่างรุนแรงของยอดขายในสองตลาดหลักนี้ ถือเป็นสัญญาณเตือนครั้งสำคัญสำหรับ Tesla ที่จะต้องเผชิญกับการแข่งขันที่หนักหน่วงยิ่งขึ้น และต้องปรับกลยุทธ์เพื่อรักษาความเป็นผู้นำในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าที่ไม่มีใครเป็นเจ้าตลาดเพียงผู้เดียวอีกต่อไป

อ้างอิง (References)

Share This Article