การที่แบตเตอรี่ iPhone หมดไวเกิดได้จากหลายปัจจัย ทั้งจากซอฟต์แวร์และพฤติกรรมการใช้งาน การปรับตั้งค่าพื้นฐานเหล่านี้สามารถช่วยแก้ปัญหาได้อย่างมีนัยสำคัญ

1. ตรวจสอบสุขภาพแบตเตอรี่และแอปที่ใช้พลังงานสูง
ก่อนอื่นต้องรู้สาเหตุ ไปที่ การตั้งค่า > แบตเตอรี่
- สุขภาพแบตเตอรี่และการชาร์จ: ดูที่ “ความจุสูงสุด” หากต่ำกว่า 80% อาจถึงเวลาที่ควรพิจารณาเปลี่ยนแบตเตอรี่
- ดูกราฟการใช้งาน: เลื่อนลงมาดูว่าแอปไหนที่ “ใช้พลังงานแบตเตอรี่” สูงที่สุด หากเป็นแอปที่คุณไม่ค่อยได้ใช้ อาจพิจารณาลบออกหรือจำกัดการทำงานของแอปนั้น

2. ปิดการดึงข้อมูลใหม่ให้แอปอยู่เบื้องหลัง (Background App Refresh)
ฟีเจอร์นี้อนุญาตให้แอปอัปเดตข้อมูลอยู่ตลอดเวลาแม้เราไม่ได้เปิดใช้ ซึ่งเป็นตัวการหลักที่ทำให้แบตหมดเร็ว
- วิธีทำ: ไปที่ การตั้งค่า > ทั่วไป > ดึงข้อมูลใหม่ให้แอปอยู่เบื้องหลัง จากนั้นเลือกปิดทั้งหมด หรือเลือกปิดเป็นรายแอป โดยเหลือไว้เฉพาะแอปที่จำเป็นจริงๆ เช่น แอปแชตหรืออีเมล

3. จัดการบริการหาตำแหน่งที่ตั้ง (Location Services)
แอปจำนวนมากขอเข้าถึงตำแหน่งที่ตั้งของคุณตลอดเวลา ซึ่งสิ้นเปลืองพลังงานอย่างมาก
- วิธีทำ: ไปที่ การตั้งค่า > ความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัย > บริการหาตำแหน่งที่ตั้ง
- เลือกปิดสำหรับแอปที่ไม่จำเป็น
- สำหรับแอปที่จำเป็น ให้ตั้งค่าเป็น “ในระหว่างใช้แอป” (While Using the App) แทน “ตลอดเวลา” (Always)
- ปิด “ตำแหน่งที่ตั้งที่แน่นอน” (Precise Location) สำหรับแอปที่ไม่ต้องการความแม่นยำสูง เช่น แอปโซเชียลมีเดีย

4. ใช้โหมดประหยัดพลังงาน (Low Power Mode)
วิธีที่ง่ายและเร็วที่สุดเมื่อต้องการประหยัดแบตเตอรี่ โหมดนี้จะลดการทำงานเบื้องหลัง, การดาวน์โหลดอัตโนมัติ และเอฟเฟกต์ภาพบางส่วน
- วิธีทำ: ไปที่ การตั้งค่า > แบตเตอรี่ แล้วเปิด “โหมดประหยัดพลังงาน” หรือเปิดจาก Control Center

5. ลดความสว่างและใช้โหมดมืด (Dark Mode)
หน้าจอคือส่วนที่ใช้พลังงานมากที่สุด การลดความสว่างลงจะช่วยประหยัดแบตได้ทันที และหาก iPhone ของคุณใช้จอ OLED (iPhone X ขึ้นไป) การใช้โหมดมืดจะช่วยประหยัดพลังงานได้มากเพราะพิกเซลสีดำจะไม่เปล่งแสง
- วิธีทำ: ปรับความสว่างได้จาก Control Center และเปิดโหมดมืดได้ที่ การตั้งค่า > จอภาพและความสว่าง

6. ตั้งค่าการล็อคหน้าจออัตโนมัติให้เร็วขึ้น
การตั้งให้หน้าจอดับเร็วขึ้นเมื่อไม่ใช้งาน จะช่วยลดการใช้พลังงานที่ไม่จำเป็นได้
- วิธีทำ: ไปที่ การตั้งค่า > จอภาพและความสว่าง > ล็อคอัตโนมัติ แล้วเลือกเป็น “30 วินาที”

7. จำกัดการแจ้งเตือน (Notifications)
ทุกการแจ้งเตือนจะปลุกหน้าจอให้สว่างขึ้น การปิดการแจ้งเตือนของแอปที่ไม่สำคัญจะช่วยลดการทำงานของหน้าจอได้
- วิธีทำ: ไปที่ การตั้งค่า > การแจ้งเตือน แล้วเลือกปิดการแจ้งเตือนสำหรับแอปที่ไม่จำเป็น
8. ตั้งค่าการรับอีเมลเป็น Fetch แทน Push
การตั้งค่าแบบ Push จะทำให้ iPhone เชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ตลอดเวลาเพื่อรอรับเมลใหม่ การเปลี่ยนเป็น Fetch จะให้เครื่องเช็กเมลเป็นรอบๆ ซึ่งประหยัดพลังงานกว่า
- วิธีทำ: ไปที่ การตั้งค่า > เมล > บัญชี > ดึงข้อมูลใหม่ แล้วเปลี่ยนจาก “ผลัก” (Push) เป็น “ดึงข้อมูล” (Fetch) และตั้งเวลาเป็น “ทุก 30 นาที” หรือ “รายชั่วโมง”

9. ปิดการเชื่อมต่อที่ไม่จำเป็น
หากไม่ได้ใช้งาน ควรปิด Wi-Fi, Bluetooth และ AirDrop เพื่อไม่ให้เครื่องต้องคอยสแกนหาอุปกรณ์หรือเครือข่ายอยู่ตลอดเวลา
- วิธีทำ: ปิดได้ง่ายๆ จาก Control Center

10. อัปเดต iOS และแอปให้เป็นเวอร์ชันล่าสุดเสมอ
Apple และนักพัฒนาแอปมักจะมีการปรับปรุงประสิทธิภาพและแก้ไขปัญหาการใช้พลังงานที่ผิดปกติในซอฟต์แวร์เวอร์ชันใหม่อยู่เสมอ การอัปเดตจึงเป็นสิ่งสำคัญ



