เรดมอนด์, วอชิงตัน – นายสัตยา นาเดลลา (Satya Nadella) ประธานและซีอีโอของ Microsoft ได้ประกาศผ่านบล็อกและบัญชี X (Twitter) อย่างเป็นทางการ ถึงการผนึกกำลังครั้งสำคัญกับ OpenAI ด้วยการนำโมเดลปัญญาประดิษฐ์เรือธงล่าสุดอย่าง GPT-5 เข้ามาเป็นแกนหลักในระบบนิเวศของ Microsoft ทั้งหมด ซึ่งถือเป็นการเคลื่อนไหวที่รวดเร็วและเป็นการตอกย้ำความเป็นผู้นำในสงคราม AI

“วันนี้ GPT-5 ได้เปิดตัวบนแพลตฟอร์มของเราทั้งหมด ทั้ง Microsoft 365 Copilot, Copilot, GitHub Copilot และ Azure AI Foundry” สัตยา นาเดลลา กล่าว “มันคือโมเดลที่ทรงพลังที่สุดจากพันธมิตรของเราที่ OpenAI ซึ่งจะนำความก้าวหน้าครั้งใหม่ที่ทรงพลังมาสู่การให้เหตุผล, การเขียนโค้ด และการสนทนา ทั้งหมดนี้ถูกฝึกฝนบน Azure”

Copilot และ Bing ได้อัปเกรดทันที
ผู้ใช้งานทั่วไปจะสามารถสัมผัสความสามารถของ GPT-5 ได้ทันทีผ่านบริการ Copilot โดย Microsoft ได้เปิดตัวโหมดใหม่ที่เรียกว่า “Smart Mode”
- Smart Mode คืออะไร?: เป็นระบบอัจฉริยะที่จะเลือกรุ่นของ AI ให้โดยอัตโนมัติ หากผู้ใช้ถามคำถามง่ายๆ ระบบอาจจะใช้โมเดลที่เบากว่าเพื่อการตอบสนองที่รวดเร็ว แต่หากเป็นคำถามที่ซับซ้อนและต้องการการวิเคราะห์เชิงลึก ระบบจะสลับไปใช้ขุมพลังของ GPT-5 ทันที ทำให้ผู้ใช้งานทั่วไป (รวมถึงผู้ใช้ฟรี) สามารถเข้าถึงเทคโนโลยีล่าสุดได้
- Copilot Pro: สำหรับผู้ที่สมัครสมาชิก จะได้รับสิทธิ์ในการเข้าถึง GPT-5 ที่มีโควต้าการใช้งานสูงกว่าและมีความเร็วในการตอบสนองที่ดีกว่า

ยกเครื่อง Microsoft 365 และ Azure สำหรับองค์กร
- Microsoft 365 Copilot: สำหรับลูกค้าองค์กร การอัปเกรดเป็น GPT-5 จะทำให้ผู้ช่วย AI ใน Word, Excel, PowerPoint และ Outlook มีความสามารถในการวิเคราะห์, สรุปข้อมูลที่ซับซ้อน และร่างเนื้อหาที่มีคุณภาพสูงขึ้นอย่างก้าวกระโดด
- Azure AI Foundry: สำหรับนักพัฒนาและองค์กรขนาดใหญ่ GPT-5 จะพร้อมให้บริการบนแพลตฟอร์มคลาวด์ของ Azure ทันที ทำให้นักพัฒนาสามารถสร้างแอปพลิเคชัน AI ยุคถัดไปที่ใช้ประโยชน์จากโมเดลที่ทรงพลังที่สุดในโลกได้
GitHub Copilot สำหรับนักพัฒนา
นักพัฒนาที่สมัครใช้บริการ GitHub Copilot ในทุกแพ็กเกจ จะสามารถเข้าถึง GPT-5 ในเวอร์ชัน Public Preview ได้ทันที ซึ่งจะช่วยยกระดับการเขียนโค้ดไปอีกขั้น ทั้งในด้านการแนะนำโค้ดที่ซับซ้อน, การรีแฟคเตอร์โปรเจกต์ขนาดใหญ่ และการแก้ไขบั๊กที่ทำได้แม่นยำยิ่งขึ้น
การเดินเกมที่รวดเร็วของ Microsoft ในครั้งนี้ ถือเป็นการใช้ความได้เปรียบจากการเป็นพันธมิตรที่ใกล้ชิดกับ OpenAI อย่างเต็มที่ และเป็นการส่งสารที่ชัดเจนไปยังคู่แข่งว่า Microsoft พร้อมแล้วที่จะนำ AI ที่ดีที่สุดในตลาดมาสู่มือของผู้ใช้งานหลายร้อยล้านคนทั่วโลก



