Mark เอาจริง! ประกาศสร้าง ‘ปัญญาประดิษฐ์ทั่วไป’ ทุ่ม GPU มหาศาล

เมนโลพาร์ก, แคลิฟอร์เนีย – มาร์ค ซักเคอร์เบิร์ก (Mark Zuckerberg) ซีอีโอของ Meta ได้ประกาศปรับเปลี่ยนทิศทางและเป้าหมายระยะยาวของบริษัท โดยตั้งเป้าหมายสูงสุดไว้ที่การสร้าง “ปัญญาประดิษฐ์ทั่วไป” (AGI) ซึ่งเป็น AI ที่มีความสามารถในการเรียนรู้, ให้เหตุผล, วางแผน และแก้ปัญหาที่ซับซ้อนได้ในระดับเดียวกับสติปัญญาของมนุษย์

Contents

ทุ่มทุนมหาศาลสร้างขุมพลัง GPU รวมทีมวิจัย AI มุ่งสู่เป้าหมายเดียว Llama 3 และปรัชญาแบบ “เปิดกว้าง”อ้างอิง (References)

การประกาศครั้งนี้ไม่ใช่การเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ แต่เป็นการแสดงวิสัยทัศน์ที่ชัดเจนว่า Meta จะไม่ได้เป็นเพียงผู้สร้างโมเดลภาษาขนาดใหญ่ (LLM) เท่านั้น แต่ต้องการเป็นผู้สร้าง “Intelligence” หรือ “สติปัญญา” ขึ้นมาจริงๆ

ขอขอบคุณรูปจาก: https://www.theguardian.com/

ทุ่มทุนมหาศาลสร้างขุมพลัง GPU

เพื่อไปให้ถึงเป้าหมาย AGI, มาร์ค ซักเคอร์เบิร์ก ได้เปิดเผยถึงการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานด้านการประมวลผลครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของบริษัท:

ภายในสิ้นปี 2024, Meta จะมี GPU NVIDIA H100 ในครอบครองมากถึง 350,000 ตัว
เมื่อรวมกับ GPU รุ่นอื่นๆ จะทำให้ Meta มีขุมพลังการประมวลผลโดยรวมเทียบเท่ากับ H100 ถึง เกือบ 600,000 ตัว ซึ่งถือเป็นหนึ่งในคลัสเตอร์คอมพิวเตอร์ที่ทรงพลังที่สุดในโลก

รวมทีมวิจัย AI มุ่งสู่เป้าหมายเดียว

เพื่อให้การพัฒนาเป็นไปอย่างรวดเร็วและมีเอกภาพ Meta ได้ทำการปรับโครงสร้างองค์กรครั้งสำคัญ โดยการรวม 2 ทีมวิจัย AI หลักเข้าด้วยกัน:

FAIR (Fundamental AI Research): ทีมวิจัย AI ขั้นพื้นฐานที่มีชื่อเสียงระดับโลก
GenAI: ทีมวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ Generative AI การรวมทีมครั้งนี้จะทำให้นักวิจัยและวิศวกรทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดเพื่อเร่งการพัฒนาตั้งแต่ระดับงานวิจัยพื้นฐานไปจนถึงการสร้างผลิตภัณฑ์ที่ขับเคลื่อนด้วย AGI

Llama 3 และปรัชญาแบบ “เปิดกว้าง”

มาร์ค ซักเคอร์เบิร์ก ยืนยันว่าโมเดลภาษา Llama 3 ที่กำลังฝึกฝนอยู่ในขณะนี้ เป็นส่วนหนึ่งของเส้นทางสู่ AGI และยังคงย้ำถึงปรัชญาการพัฒนา AGI อย่าง “เปิดเผยและมีความรับผิดชอบ” (Openly and Responsibly) ซึ่งบ่งชี้ว่าในอนาคต Meta อาจยังคงปล่อยโมเดลพื้นฐานบางส่วนออกมาเป็นโอเพนซอร์สเช่นเดียวกับ Llama 2 เพื่อให้ชุมชนภายนอกได้ร่วมกันพัฒนาและตรวจสอบ ซึ่งเป็นแนวทางที่แตกต่างจากคู่แข่งบางรายที่เลือกใช้แนวทางแบบปิด

แม้ว่า AGI ที่สมบูรณ์แบบอาจยังต้องใช้เวลาอีกหลายปี แต่นวัตกรรมและเครื่องมือที่จะเกิดขึ้นระหว่างทางจะถูกนำมาใช้เพื่อสร้างผู้ช่วย AI ที่ชาญฉลาดขึ้น, เพิ่มความสามารถให้กับแว่นตาอัจฉริยะและอุปกรณ์ AR/VR และสร้างเครื่องมือที่ช่วยในการทำงานที่ซับซ้อนต่างๆ ต่อไป